รอยแผลเป็นจากสิว

ชนิดของรอยแผลเป็นจากสิว

รอยแดง/รอยดำจากรอยแผลเป็นสิว

รอยดำจากสิว คือภาวะที่ผิวหนังเกิดสีน้ำตาลหรือม่วงคล้ำจากการอักเสบ เมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยไขมัน และมีแบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้นจนทำให้เกิดการอักเสบ จะสร้างความเสียหายต่อผิวหนัง การอักเสบนี้กระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินจำนวนมาก ส่งผลให้มักเกิดรอยคล้ำคล้ายฝ้าหลงเหลืออยู่หลังจากสิวหายแล้ว

รอยดำคล้ำสีม่วงถึงแดงอมดำ

รอยดำอมม่วงจากรอยแผลเป็นสิวเกิดจากฮีโมโกลบิน หลังจากสิวหายแล้ว ร่องรอยการอักเสบอาจคงอยู่ได้ประมาณหกเดือน แต่หากรอยแดงไม่หายไปหลังจากนั้น เกิดจากความเสียหายที่ขยายจากหนังกำพร้าไปถึงชั้นหนังแท้ ทำให้กล้ามเนื้อและหลอดเลือดที่อยู่ข้างใต้มองเห็นได้ เมื่อการอักเสบของสิวรุนแรงขึ้น ชั้นหนังแท้ของผิวหนังอาจได้รับบาดเจ็บ เส้นเลือดฝอยอาจถูกทำลาย และเลือดอาจซึมออกมาได้ ฮีโมโกลบินจะสูญเสียสีแดงเมื่อสูญเสียออกซิเจน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริเวณที่เลือดซึมออกมาจึงยังคงอยู่บนผิวหนังในรูปของรอยดำคล้ำสีม่วงหรือแดงอมดำ

รอยดำสีน้ำตาล

สาเหตุของรอยดำคล้ายฝ้าสีน้ำตาลจากรอยแผลเป็นสิวคือเม็ดสีเมลานิน เมื่อเกิดการอักเสบของสิว จะมีการสร้างอนุมูลอิสระขึ้น ในขณะที่สิ่งนี้ช่วยระงับการอักเสบ ก็ยังกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินจำนวนมากเพื่อปกป้องตัวเอง หลังจากสิวหายแล้ว จุดเหล่านี้มักจะคงอยู่เป็นรอยดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสิวรุนแรงจนทำลายผิวหนังชั้นลึก เมลานินอาจไปสะสมในชั้นหนังแท้ ซึ่งมีการเผาผลาญที่ช้ากว่า ทำให้เหลือรอยดำที่รักษายากได้

รอยแผลเป็นสิว: รอยหลุม

รอยแผลเป็นสิวที่เป็น "รอยหลุม" เกิดจากการที่สิวอักเสบซ้ำๆ ทำให้การอักเสบภายในรูขุมขนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างของรูขุมขนจึงถูกทำลายและทำให้ผิวหนังบุ๋มลง เมื่อเชื้อแบคทีเรีย P. acnes เพิ่มจำนวนและเกิดสิวแดงขึ้น การอักเสบจะเกิดขึ้นในและรอบๆ รูขุมขน และเริ่มทำลายเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบ เพื่อยับยั้งการอักเสบ เม็ดเลือดขาวจะทำลายเซลล์ผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้การอักเสบแพร่กระจาย เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ จะทำให้เกิดรอยบุ๋มบนผิวหนัง และทิ้งรอยแผลเป็นสิวในลักษณะรอยหลุมไว้ เนื่องจากชั้นหนังแท้ไม่มีการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ความเสียหายของชั้นหนังแท้ที่ถูกทำลายจึงคงอยู่เป็นรอยหลุม ถึงแม้ก่อนหน้านี้การรักษารอยแผลเป็นสิวแบบหลุมจะถือว่าทำได้ยาก แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ก้าวหน้าได้ช่วยให้สามารถเข้าถึงชั้นหนังแท้ได้อย่างปลอดภัย และสามารถปรับปรุงรอยหลุมจากสิวให้ดีขึ้นได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม

รอยแผลเป็นรอบรูขุมขน

รอยแผลเป็นรอบรูขุมขน หมายถึงรอยแผลเป็นจากสิวประเภทหนึ่งที่รูขุมขนดูกว้างขึ้น เนื่องจากเกิดรอยแผลเป็นรอบๆ รูขุมขน ทำให้รูขุมขนสูญเสียความสามารถในการหดตัวและยังคงขยายตัวถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รอยแผลเป็นจะปรากฏให้เห็นในชั้นตื้น ทำให้การรักษาที่มุ่งเป้าไปที่บริเวณนี้มีประสิทธิภาพ

รอยแผลเป็นชนิดตื้นแบบ Macular

รอยแผลเป็นชนิดตื้นแบบ Macular คือรอยแผลเป็นจากสิวประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเป็นหลุมตื้นๆ แผ่กว้าง คล้ายหลุมอุกกาบาต โดยส่วนใหญ่รอยแผลเป็นจะก่อตัวขึ้นในชั้นหนังแท้ตอนกลาง และเป็นรอยแผลเป็นจากสิวที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีผิวบาง

รอยแผลเป็นในชั้นหนังแท้ส่วนลึก

รอยแผลเป็นในชั้นหนังแท้ส่วนลึกคือรอยแผลเป็นจากสิวชนิดที่ลึกและแผ่กว้าง มีขอบเขตชัดเจนจากผิวปกติรอบข้าง ทำให้สังเกตเห็นได้ชัดเจนมากเนื่องจากการกระเจิงของแสง รอยแผลเป็นสิวชนิดนี้มักมีรอยแผลเป็นอยู่ในชั้นหนังแท้ส่วนลึก และพบได้บ่อยในผู้ชายที่มีผิวหนา หรือผู้ที่มักเป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่

การฝ่อของเนื้อเยื่อไขมัน

รอยแผลเป็นจากสิวชนิดไขมันฝ่อ เกิดจากการอักเสบของสิวลุกลามไปถึงชั้นไขมัน ทำให้เกิดพังผืดและหดตัว ส่งผลให้ผิวหนังยุบตัวลงเป็นรอยบุ๋มลึก รอยแผลเป็นจากสิวประเภทนี้จะพบทั้งรอยแผลเป็นที่ผิวหนังและรอยแผลเป็นที่ชั้นไขมัน ซึ่งบ่งบอกถึงผลกระทบของสิวเดิมที่ลึกถึงใต้ผิวหนัง

ชนิดหลุมจิก / ชนิดรูเข็ม

รอยแผลเป็นสิวชนิดหลุมจิกมีปากหลุมที่แคบมาก (น้อยกว่า 2 มม.) และลึกไปจนถึงชั้นที่ลึกกว่าหนังแท้ ด้วยเหตุนี้ การรักษาด้วยเลเซอร์ทั่วไปจึงทำได้ยากในการสร้างโครงสร้างหนังแท้ขึ้นมาใหม่ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการที่กำจัดเนื้อเยื่อที่เป็นแผลเป็นออกไปโดยตรง

ชนิด Rolling

รอยแผลเป็นสิวชนิดหลุมคลื่น มีลักษณะที่ผิวหนังแท้ติดกับพังผืด โดยมีปากหลุมกว้าง (4 มม. ขึ้นไป) และมีรอยบุ๋มที่ค่อยๆ ลาดเอียงคล้ายคลื่นหรือเนินเขา ทำให้มีพื้นที่ราบเรียบน้อย

ชนิดหลุมสี่เหลี่ยม / ชนิด Boxcar

รอยแผลเป็นสิวชนิดหลุมสี่เหลี่ยมมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม โดยมีก้นหลุมที่เรียบและมีรูปร่างเป็นวงกลม รอยแผลเป็นชนิดนี้มีทั้งแบบตื้นและแบบลึก